วันที่นำเข้าข้อมูล 11 ธ.ค. 2555
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 10 พ.ย. 2565
เมื่อวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2555 นาย Refik Gokcek ประธานสภานักธุรกิจตุรกี-ไทย ร่วมกับสมาชิกสภาอีก 19 ชีวิต เดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อพบหารือกับนายจุลพงษ์ โนนศรีชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเข้าร่วมการประชุมร่วมประจำปีครั้งที่ 2 ระหว่างสภานักธุรกิจไทย-ตุรกี และตุรกี-ไทย ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ นายรัฐกิจ มานะทัต เอกอัครราชทุต ณ กรุงอังการา ได้เข้าร่วมเดินทางด้วย เพื่อช่วยสนับสนุนและผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจไทย-ตุรกี
ถึงแม้จะเป็นการเดินทางสั้น แต่ก็นับว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยของคณะสภาธุรกิจตุรกี-ไทยในครั้งนี้นั้น ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ
ในระหว่างการหารือ ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า ไทยและตุรกีเป็นประเทศที่มีความสำคัญ มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง และเติบโตอย่างรวดเร็ว มีอำนาจในการซื้อสูง สามารถเป็นศูนย์กลางไปยังภูมิภาคของกันและกันได้ อย่างไรก็ดี มูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันในปัจจุบันน้อยกว่าศักยภาพที่มีอยู่ ดังนั้น ทั้งสองประเทศควรส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันและร่วมมือทางด้านธุรกิจระหว่างกันมากขึ้น รวมทั้งใช้ประโยชน์จากการเป็นฐานทางธุรกิจในภูมิภาคไปสู่ประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น ไทยไปสู่อาเซียน โดยเฉพาะพม่าที่ไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย และตุรกี ไปสู่เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ นอกจากนี้ ควรมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อกรุยทางให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างกันมากขึ้น และขยายไปถึงประเทศที่ 3 ในแต่ละภูมิภาคด้วย
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความยินดีที่การประกาศยกเว้นการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวไปยังตุรกีให้แก่คนไทยเป็นเวลา 30 วัน ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งเชื่อว่า จะนำไปสู่จำนวนนักท่องเที่ยว และมูลค่าการค้าการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น
ฝ่ายไทยได้ผลักดันให้ไทยและตุรกีร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในด้านการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมการส่งออกยางพาราของไทยไปยังตุรกี ซึ่งเชื่อว่า ยังเติบโตได้อีกมาก ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ ไทยยังขอให้สภาธุรกิจตุรกี-ไทย ช่วยพิจารณากรณีตุรกีบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับสินค้าไทยหลายตัว เช่น เส้นใยสังเคราะห์ และยางพาราสำเร็จรูป ซึ่งนาย Gokcek รับที่จะไปหารือกับผู้ประกอบการตุรกีที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางออกเรื่องนี้ร่วมกันต่อไป
ในทางกลับกัน นักธุรกิจตุรกีต้องการผลักดันการเจรจาการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ตุรกี ซึ่งไทยรับที่จะพิจารณาด้วยดี ในฐานะที่ไทยมีนโยบายเปิดกว้างกับการค้าเสรี
ปัจจุบัน ไทยมีมูลค่าการค้ากับตุรกีมากเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ คิดเป็นมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2554 ทั้งนี้ ไทยและตุรกีเชื่อว่า ยังมีสาขาที่ทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันได้อีกมาก เช่น การก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ ปิโตรเคมี และยางพารา SME ของไทยก็เล็งเห็นว่า ตุรกีเป็นตลาดสินค้าและบริการด้านสปา และมีอุตสาหกรรมต่อเรือที่มีศักยภาพสูงเช่นกัน
ในการเยือนครั้งนี้ นักธุรกิจได้แสดงความกระตือรือร้น และได้เริ่มติดต่อค้าขายสินค้าที่มีศักยภาพแล้ว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ จะติดตามผลอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด เพื่อผลักดันการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-ตุรกี ต่อไป
---------------
น.ส.วิชชุลี โชติเบญจกุล
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา
ธันวาคม 2555
รูปภาพประกอบ
เวลาทำการให้บริการด้านการกงสุลต่าง ๆ
จันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 9.30 - 16.00 น. (พักกลางวัน 12.00-13.00 น.)
อังคาร พฤหัสบดี เวลา 9.30 - 12.00 น.
*** รับเฉพาะคิวนัดหมายทางออนไลน์ล่วงหน้า (ยกเว้นการรับรองเอกสาร) ***
https://rteankara.setmore.com/
สามารถรับเอกสารที่ขอรับบริการได้เวลา 09.30-10.30 และ 15.00-16.00 น. ของวันทำการ