13 ธ.ค. 2563
โดยที่ขณะนี้มีผู้สอบถามเกี่ยวกับการเดินทางกลับประเทศไทยและเดินทางมาตุรกีเป็นจำนวนมาก สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้รวบรวมคำถามที่มีผู้ถามเข้ามาบ่อย ๆ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงนี้ ดังนี้
1. ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ จะสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้อย่างไร
2. เอกสารในการกลับประเทศไทย มีอะไรบ้าง
3. สามารถขอใบรับรองแพทย์แบบ fit-to-fly ที่ใดได้บ้าง
4. คนไทยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในตุรกีได้หรือไม่
5. ข้อกำหนดในการเดินทางเข้าประเทศตุรีในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
6. ชาวต่างชาติกลุ่มใดที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขอความกรุณาอ่านข้อมูลด้านล่างนี้ให้ถี่ถ้วน ก่อนจะติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อถามคำถามเพิ่มเติม
1. ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ จะสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้อย่างไร
สำหรับผู้ที่อยู่ต่างประเทศ มีทางเลือกในการเดินทางกลับประเทศ 2 ทางเลือก ได้แก่
(1) เดินทางกลับด้วยเที่ยวบินที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอโควตาในการกลับประเทศไทย โดยในกรณีนี้ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักตัวเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย เพราะท่านจะเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด (State Quarantine – SQ) โดยท่านจะต้องติดตามประกาศของสถานเอกอัครราชทูตฯ ว่าจะมีการจัดเที่ยวบินเมื่อใด และจะต้องลงทะเบียนเพื่อขอรับการจัดสรรโควตาโดยต้องได้รับการยืนยันว่าได้รับการจัดสรรโควตาแล้ว จึงจะสามารถซื้อบัตรโดยสารได้
ทั้งนี้ เที่ยวบินที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอโควตา เป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ตกค้างในต่างประเทศ จึงจะต้องพิจารณาจำนวนผู้ที่ตกค้างในต่างประเทศเป็นสำคัญ และไม่สามารถระบุวันของเที่ยวบินได้อย่างชัดเจน โดยท่านจะต้องติดตามประกาศของสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิด
(2) เดินทางเองโดยการสำรองที่พักในสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (Alternative State Quarantine – ASQ) ในกรณีนี้ท่านจะต้องสำรองโรงแรม ASQ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง โดยท่านสามารถที่จะเลือกเดินทางเมื่อใดก็ได้ แต่ท่านจะต้องขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าราชอาณาจักร (Certificate of Entry – COE) เพื่อนำไปเมื่อเช็คอิน อ่านรายละเอียดการขอหนังสือรับรองฯ ที่นี่
สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเน้นย้ำว่าเที่ยวบินที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอโควตา เป็นเที่ยวบินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อาทิ กลุ่มคนทำงานที่ตกงานหรือขาดรายได้ มิได้เป็นเที่ยวบินสำหรับผู้ที่เดินทางออกมาท่องเที่ยวในต่างประเทศและประสงค์จะหาเที่ยวบินกลับประเทศไทย หากท่านเดินทางเข้ามาตุรกีด้วย
ฟรีวีซ่า 30 วัน ท่านจะต้องสำรองที่พักโรงแรม ASQ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง และสถานเอกอัครราชทูตฯ ขอสงวนสิทธิไม่รับการลงทะเบียนของผู้ที่เดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวในตุรกีเพื่อกลับกับเที่ยวบินที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอโควตาไว้
2. เอกสารในการกลับประเทศไทยมีอะไรบ้าง
นโยบายของไทยกำหนดให้คนไทยจะต้องมีเอกสารดังต่อไปนี้ ไปแสดงก่อนการเช็คอิน/เข้าประเทศไทย
3. สามารถขอรับใบรับรองแพทย์แบบ Fit-to-Fly ที่ใดได้บ้าง
2. Istanbul Airport TRG International Health Services ซึ่งมีความร่วมมือกับ Ozel Hospitalist Hastanesi เพื่อให้ตรวจร่างกายให้กับผู้โดยสารชาวไทย โดยขอให้นัดหมายได้ที่ Mr. Goksel Elmaci (ภาษาอังกฤษ/ภาษาตุรกี) หมายเลข 0532 062 98 83 หรือ 0505 015 87 48 ล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน ทั้งนี้ โรงพยาบาลกำหนดให้ตรวจ PCR ก่อน หากผลตรวจเป็นลบ (negative) ก็จะออกใบรับรองแพทย์แบบ fit-to-fly ให้ ค่าบริการตรวจ (PCR และ fit-to-fly) อยู่ที่ 400 ตุรีกีลีรา
ที่ตั้งของโรงพยาบาลและการเดินทางสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://www.hospitalist.com.tr/ (โปรดเลือกหัวข้อ contact)
3. Ozel Safak Poliklinigi Medical Center อยู่ในสนามบินอิสตันบูล (สนามบินใหม่) ตั้งอยู่ที่ Row R ชั้นผู้โดยสารขาออก ข้างโรงแรม Yotel โดยคลินิกแนะนำให้เดินทางไปตรวจร่างกายและเผื่อเวลาสำหรับผลตรวจร่างกายประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพราะในบางช่วงอาจมีผู้มาขอรับบริการจำนวนมาก อัตราค่าบริการคนละ 400 ตุรกีลีราโดยประมาณ โดยขอให้แจ้งว่าเป็นผู้โดยสารของสถานเอกอัครราชทูตฯ
ที่ตั้งของ Ozel Safak Poliklinigi Medical Center ในสนามบินอิสตันบูล (สนามบินใหม่)
4. คนไทยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในตุรกีได้หรือไม่
ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการบันทึกจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึงวันละ 30,424 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ธ.ค. 2563) และรัฐบาลตุรกีเริ่มกลับมามีมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด อาทิ การประกาศเคอร์ฟิวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งอาจจะเป็นบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
นอกจากนี้ การเดินทางกลับประเทศในช่วงเวลานี้มีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง กล่าวคือ หากเดินทางมาท่องเที่ยวเอง ท่านจะต้องสำรองที่พัก ASQ ในการกักตัวเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย โดยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และจะต้องตรวจร่างการเพื่อขอรับใบรับรองแพทย์แบบ Fit-to-Fly ซึ่งมีสถานพยาบาลในตุรกีส่วนน้อยที่รับตรวจ เนื่องจากต้องสงวนบุคลากรทางการแพทย์สำหรับให้การรักษาผู้ป่วย COVID-19 หรือผู้ป่วยอื่น ๆ ที่มีอาการสาหัส และหากท่านไม่สามารถจัดหาใบรับรองแพทย์ฯ ได้ทัน ท่านก็อาจจะถูกสายการบินปฎิเสธการเช็คอินและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้
ในกรณีที่ท่านไม่มีทุนทรัพย์ที่เพียงพอที่จะสำรองที่พักใน ASQ และต้องรอเที่ยวบินที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอโควตา ท่านก็เสี่ยงที่จะประสบกับปัญหา overstay และอาจถูกตำรวจจับอีกทั้งต้องเสียค่าปรับด้วย
ขณะนี้ มีคนไทยจำนวนนับพันคนที่ติดค้างอยู่ในต่างประเทศ ต้องประสบกับความยากลำบากในการดำรงชีวิต บางคนตกงานก็ทำให้ยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก และคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศเฝ้ารอวันที่จะได้กลับบ้าน ดังนั้น หากไม่ได้มีความจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน จึงขอแนะนำให้ท่านชะลอการเดินทางมาตุรกีหรือเดินทางออกนอกประเทศ ออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลาย
นอกจากนี้ สำหรับท่านที่หวังจะเดินทางเพื่อมาหางานทำในตุรกี เพราะคำชักชวนของผู้อื่นว่า มีโอกาสได้งานทำที่มีผลตอบแทนสูง ในความเป็นจริงอาจจะไม่เช่นนั้น เพราะปัจจุบันแหล่งธุรกิจ/แหล่งท่องเที่ยวของตุรกียังอยู่ในสภาวะซบเชา และส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการ โดยมีคนไทยในตุรกีจำนวนมากที่ตกงานเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และต้องการหาทางกลับบ้าน
ดังนั้น โปรดอย่าหลงเชื่อคำชักชวนเหล่านี้ เพราะท่านอาจจะผิดหวังและถูกลอยแพในตุรกีจากนายจ้าง/นายหน้าที่บอกว่าจะพาท่านมาทำงาน
5. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศตุรกีในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
6. ชาวต่างชาติกลุ่มใดที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขณะนี้รัฐบาลไทยได้ผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยอนุญาติให้ชาวต่างชาติบางกลุ่มเดินทางเข้าประเทศได้ โดยนอกจากจะต้องมีวีซ่าในการเข้าประเทศแล้ว ชาวต่างชาติทุกคนจะต้องขอรับ Certificate of Entry (COE) ก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยด้วย (รายละเอียดการขอวีซ่าดูที่นี่/ รายละเอียดการขอ COE ดูที่นี่)
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้อนุญาตให้ประเทศในกลุ่ม ผ. 30 ที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา อยู่ในประเทศไทยได้นานกว่าเดิมถึง 45 วัน (จากเดิมที่อยู่ได้ 30 วัน) โดยตุรกีเป็นประเทศที่อยู่ใน ผ. 30 ด้วย ตลอดจนกลุ่มประเทศที่มีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างกันก็สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้แล้วเช่นกัน