เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 นายธฤต จรุงวัฒน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐตุรกี ได้ยื่นพระราชสาส์นตราตั้งต่อ ฯพณฯ ดร. Gjorge Ivanov ประธานาธิบดีเเห่งสาธารณรัฐมาซิโดเนีย เพื่อดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐมาซิโดเนียอีกตำแหน่งหนึ่ง

ในพิธียื่นพระราชสาส์นตราตั้ง เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ยืนยันที่จะพยายามส่งเสริมและเร่งรัดความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติ ทั้งในระดับรัฐบาล รัฐสภา ภาคเอกชน และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน รวมทั้งการเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยจะพยายามให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศรู้จักศักยภาพทางเศรษฐกิจของกันและกันมากขึ้น  ฯพณฯ ประธานาธิบดีฯ ได้มีสุนทรพจน์ตอบ กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯ และอวยพรให้เอกอัครราชทูตฯ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ โดยฝ่ายมาซิโดเนียจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ มาซิโดเนียก็ประสงค์ที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุกด้านเช่นกัน และเชื่อมั่นว่าในโอกาสที่ในปีหน้า (2557) ซึ่งจะเป็นวาระครบรอบ 10 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและมาซิโดเนีย จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตในทุกสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ภายหลังพิธียื่นพระราชสาส์นตราตั้ง เอกอัครราชทูตฯ และ ฯพณฯ ประธานาธิบดีฯ ได้หารือข้อราชการทวิภาคีระหว่างกันเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง

อนึ่ง ก่อนพิธียื่นพระราชสาส์นตราตั้ง เอกอัครราชทูตฯ ได้ยื่นสำเนาพระราชสาส์นตราตั้งต่อนาง Dragana Kiprojanovska โดยได้หารือเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาซิโดเนียทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังที่จะเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต โดยเฉพาะในด้านความร่วมมือทางวิชาการ เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน

ในโอกาสเดียวกัน เอกอัครราชทูตฯ ได้พบหารือกับผู้แทนหน่วยงานด้านการค้าการลงทุนของมาซิโดเนีย 2 หน่วยงาน ได้แก่ Economic Chamber of Macedonia และ Agency for Foreign Investments and Export Promotion of the Republic of Macedonia โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยและมาซิโดเนีย รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุนระหว่างกัน

เอกอัครราชทูตฯ ยังได้เยี่ยมชมหอสมุดแห่งชาติและมหาวิทยาลัยแห่ง “St. Kliment Ohridski” และมอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยให้แก่หอสมุดฯ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงให้สาธารณชนมาซิโดเนียได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้พบปะกับชาวไทยที่พำนักในกรุงสโคเปียและจังหวัดใกล้เคียงด้วย